หลังคลายล็อกดาวน์ ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางมะตอยทั่วโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุน TASCO โดยตรง เห็นได้จากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นจากจุดต่ำสุดของปีราว 61% ขณะที่นักวิเคราะห์หลายสำนัก พากันปรับราคาเป้าหมายหุ้น TASCO ขึ้นสู่ระดับ 30 บาทแล้ว...ทำให้หลายคนอาจสงสัยว่า TASCO มีอะไรดีซ่อนอยู่ ภายใต้ราคาเป้าหมายใหม่นี้กันแน่?
*** ราคาหุ้นพุ่งจากจุดต่ำสุดของปีราว 61%
ก่อนหน้านี้ วันที่ 10 ส.ค.63 ราคาหุ้น บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO พุ่งขึ้นไปทำนิวไฮรอบ 4 ปี 2 เดือน ด้วยราคา 29 บาท ก่อนปรับตัวลงแรงในช่วง 3 วันทำการต่อมา แต่ราคาหุ้นขณะนี้ดูเหมือนกำลังไต่ระดับขึ้นใหม่อีกครั้ง
โดยวานนี้ (24 ส.ค.63) TASCO ปิดบวกตามดัชนีหุ้นไทย โดยราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 24.80 บาท ก่อนปิดซื้อขายด้วยราคา 24.70 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท หรือ 4.22% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 130.69% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า นอกจากนี้ราคาหุ้น TASCO ยังปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของปีที่ราคา 14.90 บาท เมื่อวันที่ 13 มี.ค.63 ราว 61%
*** โค้งสองผลงานสวยหรู
หลังจากไตรมาส 1/63 TASCO รายงานขาดทุนสุทธิจำนวน 784 ล้านบาท แต่ไตรมาส 2/63 สามารถพลิกกลับมารายงานกำไรสุทธิ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังทำสถิติกำไรสุทธิสูงสุดใหม่รายไตรมาสอีกด้วย
โดย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า TASCO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ออกมาได้ดีกว่าคาดราว 23.52% โดยสาเหตุหลักเป็นเพราะมีการบวกกลับขาดทุนสต็อกราว 2.1 พันล้านบาท จากราคายางมะตอยปรับตัวขึ้นแรงสู่ระดับ 315 เหรียญต่อตันในช่วงปลายไตรมาส 2/63 (สิ้นเดือน มี.ค.63 ราคายางมะตอยอยู่ที่ 170 เหรียญต่อตัน)
นอกจากนี้ ยังมีประกันความเสี่ยงเพียง 164 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 38.3% เทียบกับ -12.8% ในไตรมาสก่อน และ 8.5% ในปีก่อน แต่หากตัดรายการพิเศษต่างๆทั้งหมด TASCO จะมีกำไรก่อนภาษี 285 ล้านบาท
*** ราคายางมะตอยยังขึ้นได้มากกว่า 340 เหรียญ
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์รอบล่าสุด ผู้บริหาร TASCO แสดงความมั่นใจว่าราคายางมะตอยในปีนี้ ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้มากกว่าราคา ณ ปัจจุบันที่ 340 เหรียญต่อตัน ซึ่งคาดว่าราคายางมะตอยจะขึ้นไปทำจุดสูงสุดของปีในช่วงเดือน ส.ค. - ก.ย.63 โดย TASCO ยังมีวัตถุดิบเพียงพอในการผลิตยางมะตอย จึงคงเป้าหมายยอดขายยางมะตอยปีนี้ไว้ที่ 1.9 ล้านตัน (ครึ่งปีแรกมียอดขาย 8.4 แสนตัน ส่วนครึ่งปีหลังคาดไว้ที่ 1 - 1.1 ล้านตัน)
ด้าน นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TASCO ระบุถึงสาเหตุที่อาจทำให้ราคายางมะตอยยังปรับตัวขึ้นได้อีก เนื่องจากความต้องการใช้ยางมะตอยสูง แม้ภาพรวมโรงกลั่นจะเริ่มกลับมาเดินหน้ากำลังการผลิตน้ำมันเต็มที่ หลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ยางมะตอยยังขาดแคลนในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งความต้องการยางมะตอยในภูมิภาคเอเชียยังสูงมาก เช่นประเทศจีน, เวียดนาม และไทย เป็นต้น
*** โบรกฯ มองครึ่งปีหลังยังสดใส
บล.ทิสโก้ ระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์รอบล่าสุด ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการของ TASCO จะเติบโตดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ตามยอดขายที่ฟื้นตัวขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ นอกจากนี้ราคายางมะตอยที่กลับมาเท่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ระดับ 340 เหรียญต่อตัน และราคาน้ำมันดิบลดลง เป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการ
เช่นเดียวกับ บล. บัวหลวง ที่ระบุว่า ผลกระทบอุทกภัยรอบใหม่ บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทยในปีนี้ เกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ โดยคาดว่าจะลากยาวไปถึงเดือน ต.ค.63 ซึ่งจะช่วยหนุนดีมานด์วัสดุ และอุปกรณ์ก่อสร้าง เติบโตแรงในช่วงครึ่งปีหลัง จากการซ่อมแซม และสร้างถนนใหม่
นอกจากนี้ นายชัยวัฒน์ ยังระบุต่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง TASCO จะรับรู้รายได้ค่าเสียหายสินทรัพย์จากประกันภัยเข้ามาเพิ่มเติมบางส่วน กรณีถังเก็บน้ำมันดิบโรงกลั่นในประเทศมาเลเซีย ถูกไฟไหม้เมื่อปี 61
ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินว่า ในช่วงไตรมาส 3/63 TASCO จะมีปริมาณขายยางมะตอยราว 6.4 แสนตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อน โดยในช่วงไตรมาส 3/63 TASCO ยังได้รับปัจจัยบวกจากต้นทุนน้ำมันดิบที่ต่ำในช่วงเดือน มี.ค. - พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะหนุนให้กำไรสุทธิไตรมาส 3/63 อยู่ที่ระดับ 1.3 - 1.5 พันล้านบาท ส่วนทั้งปีคาดว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
*** โค้งท้ายอาจต้องระวังสักนิด
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า แม้จะมีความเห็นว่าช่วงไตรมาส 3/63 ผลประกอบการของ TASCO ยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ช่วงไตรมาส 4/63 ผลประกอบการของ TASCO อาจอ่อนแอลง เนื่องจากช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของยอดขายยางมะตอยในประเทศจีน รวมถึงตลาดในประเทศที่จะเป็นช่วงคาบเกี่ยวของการเบิกใช้งบประมาณแผ่นดินปี 63 กับปี 64 ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดขายของ TASCO ลดลงทั้งในประเทศ และต่างประเทศในช่วงดังกล่าว
ขณะที่ต้นทุน Crude โดยเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น สวนทางกับราคายางมะตอยที่มักอ่อนตัวลงในไตรมาส 4 ของทุกปี จะทำให้ Spread ยางมะตอย-Crude ปรับตัวลงในไตรมาส 4/63
*** โบรกฯ แนะนำ"ซื้อ"พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 30 บาท
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"พร้อมกับปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ระดับ 30 บาท เนื่องจากมั่นใจว่าผลงานครึ่งปีหลังของ TASCO ยังโตต่อเนื่องตามความต้องการใช้ และราคายางมะตอยที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ
นอกจากนี้การปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ระดับ 30 บาท ยังถือเป็นแนวต้านที่สำคัญ เนื่องจากราคาหุ้น TASCO ที่ขึ้นไปซื้อขายในระดับ 30 บาท เกิดขึ้นครั้งล่าสุดในปี 59
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสมใหม่ (บ.) |
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง |
ซื้อ |
30 |
ดีบีเอส วิคเคอร์ส |
ซื้อ |
31 |
ทิสโก้ |
ซื้อ |
32 |
ราคาเฉลี่ย |
31 |
TASCO ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ยังมีความสามารถในการทำกำไรในช่วงวิกฤติโควิด-19 ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ระดับ 30 บาท แต่อย่าลืมว่าระดับราคาดังกล่าว คือแนวต้านที่สำคัญ เพราะราคาหุ้น TASCO ขึ้นไปซื้อขายที่ระดับ 30 บาท ครั้งล่าสุด ต้องย้อนไปไกลถึงปี 59
ดังนั้นนักลงทุนอาจต้องชั่งใจให้ดีว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังที่นักวิเคราะห์คาดว่ายังคงสดใส จะหนุนราคาหุ้น TASCO ผ่านแนวต้านสำคัญนี้ไปได้หรือไม่...
0 Response to "TASCO มีดีอะไร? โบรกฯแห่เพิ่มเป้าทะลุ 30 บาท - efinanceThai"
Post a Comment