ความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ดีดกลับเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน แต่เศรษฐกิจยังน่าห่วง เอกชนจี้รัฐเร่งใส่งบฟื้นฟู หวังช่วยดันจีดีพีเพิ่มอีก 1% ด้าน สศค.ระบุความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเริ่มกลับมา ตั้งแต่เดือน เม.ย. หลังรัฐบาลควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดี
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน มิ.ย.63 ที่สำรวจความคิดเห็นของสมาชิกหอการค้าไทยว่า อยู่ที่ระดับ 31.5 เพิ่มขึ้นจาก 31.3 ในเดือน พ.ค.63 เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน นับตั้งแต่เดือน พ.ค.62 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต อยู่ที่ 37.9 เพิ่มขึ้น 37.5 แต่ค่าดัชนียังต่ำกว่า 50 ทุกรายการ ถือว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง จากผลกระทบของโควิด-19
ดังนั้น ปัจจัยที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นผู้ประกอบการได้ คือ มาตรการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ การเร่งนำงบฟื้นฟูเศรษฐกิจลงสู่ระบบให้เร็วที่สุดภายในไตรมาสที่ 3 มาตรการสร้างความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของประชาชน เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเห็นว่า เม็ดเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจ 100,000 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งเห็นชอบหากเร่งรัดการใช้ เพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ฐานรากเร็วที่สุด จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เพิ่มอีก 0.3-0.5% อย่างไรก็ตาม หากมีลอต 2 ตามมาอีก 100,000 ล้านบาท เงินจากการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลที่มีงบ 20,000 ล้านบาท และเงินจากเอกชน ทั้งโครงการปันสุข โครงการทราเวล บับเบิลแล้ว จะมีเม็ดเงินที่ลงสู่ฐานราก 250,000-350,000 ล้านบาท ก็จะกระตุกให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 0.6-1% ได้
“ส่วนไตรมาส 4 จะมีงบประมาณปี 64 ที่เร่งจัดสรรได้ตามกรอบ รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณ ปี 63 ในไตรมาส 3 ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4 และพยุงไม่ให้ทรุดลงไปได้อีก แต่หากไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาส 3 หรือล่าช้า ไม่มีมาตรการช่วยเหลือสภาพคล่องของเอสเอ็มอี ก็จะเห็นภาพการปลดแรงงานเป็นล้านคน เกิดภาวะเกิดหนี้เสียในเอสเอ็มอี หนี้ครัวเรือนมากขึ้น คาดว่าเศรษฐกิจจะติดลบ 8-9% แต่หากรัฐบาลอัดเงินได้ตามที่คาดไว้เศรษฐกิจก็จะติดลบเพียง 5-6% และความเชื่อมั่นผู้ประกอบการก็จะกลับมา”
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ในส่วนของการท่องเที่ยวนั้น ผู้ประกอบการมองว่าเริ่มดีขึ้น แต่การท่องเที่ยวของคนไทย ยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวได้มากนัก ผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐทำโครงการทราเวล บับเบิล เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้มากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการเสนอให้รัฐเร่งกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว เน้นเจาะตลาดนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูง ช่วยเหลือผู้ว่างงาน เร่งมาตรการช่วยเหลือธุรกิจเพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินการ มาตรการช่วยเหลือด้านการเงิน และเร่งพิจารณาเปิดด่านสำหรับสินค้าตามแนวชายแดนอย่างเต็มรูปแบบ
นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปีจะติดลบ 5.5%, ติดลบ 8.1% และติดลบ 7%ตามลำดับ แต่เมื่อประเมินแบบไตรมาสต่อไตรมาสแล้ว สศค.เห็นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ หลังจากโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ เศรษฐกิจไทยติดลบ 1.8% ส่วนไตรมาสที่ 2 กำลังรอสภาพัฒน์ แถลงในเดือน ส.ค.63
นายนรพัชร์ อัศววัลลภ ผู้อำนวยการส่วนวิเทศและสถาบันสัมพันธ์ สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ของ สศค. กล่าวว่า คลังยังคงติดตามและสำรวจตัวเลขเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่มองเศรษฐกิจไทยใน 6 เดือนข้างหน้า จากเดือน มี.ค.ที่เป็นเดือนที่ความเชื่อมั่นตกต่ำสุด หลังจากนั้นในเดือน เม.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นเริ่มกระเตื้องขึ้น และต่อเนื่องมาถึงเดือน พ.ค.63 เนื่องจากรัฐบาลควบคุมการระบาดของโควิดได้ดี.
อ่านเพิ่มเติม...
July 10, 2020 at 08:15AM
https://ift.tt/2Dp6k1n
เอกชนจี้รัฐเร่งใส่งบฟื้นฟู หวังช่วยดันจีดีพีเพิ่มอีก 1% - ไทยรัฐ
https://ift.tt/3bS8L8L
Bagikan Berita Ini
0 Response to "เอกชนจี้รัฐเร่งใส่งบฟื้นฟู หวังช่วยดันจีดีพีเพิ่มอีก 1% - ไทยรัฐ"
Post a Comment