นอกจากนี้ อดีตเด็กสร้างของ สตุตการ์ท ยังเล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก ทั้งศูนย์หน้าตัวเป้า, กองหน้าริมเส้นฝั่งซ้าย หรือจะถอยลงมายืนหน้าต่ำก็ยังได้ เนื่องจากสไตล์ของ แวร์เนอร์ ถือเป็นกองหน้าสมัยใหม่ ไม่ยึดติดกับตำแหน่งในระบบการเล่น สามารถฉีกตัวเองออกมารับบอลด้านกว้าง หรือขยับเข้าในเพื่อประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม รวมถึงสอดเข้าไปหาจังหวะลุ้นทำประตู ตลอดจนสร้างโอกาสยิงเองก็ทำให้เห็นมาหมดแล้ว อีกทั้งยังยิงบอลได้ดีทั้งสองเท้าด้วย
และที่แฟนๆ "หงส์แดง" เสียดายที่สุด ก็คือ ตัวแวร์เนอร์ รวมถึงเอเย่นต์มีโอกาสพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับ เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือใหญ่แห่งถิ่นแอนฟิลด์ผ่านทางวิดีโอคอลมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ครั้ง บวกกับ ลิเวอร์พูล ก็มีข่าวพัวพันว่าให้ความสนใจดาวยิงอินทรีเหล็กมาตลอด
แต่ที่สุดแล้ว การย้ายมาผนึกกำลังกับ 3 ประสานอย่าง โม ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต เฟอร์มิโน ก็เป็นแค่ความฝัน เนื่องจาก ลิเวอร์พูล ไม่เคยยื่นข้อเสนออย่างเป็นเรื่องเป็นราวให้ ไลป์ซิก เลย แม้ตัว แวร์เนอร์ เองก็แอบเทใจให้ "หงส์แดง" อยู่บ้าง เพราะมีคนบ้านเดียวกันอย่าง คลอปป์ เป็นเฮดโค้ช แต่ในเมื่อสโมสรมีแต่ความ "จริงใจ" แต่ไม่เคย "จริงจัง" เหล่าเดอะ ค็อป จึงได้แต่ฝันค้าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อ คลอปป์ ถูกถามถึงการโดน เชลซี ปาดหน้าคว้าตัว แวร์เนอร์ ไปร่วมงาน เขาก็ตอบอย่างไม่แคร์สื่อว่า แวร์เนอร์ เป็นผู้เล่นที่เก่งมากๆ แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงการซื้อขายนักเตะของ เชลซี
แม้จะมีการวิเคราะห์สาเหตุที่ ลิเวอร์พูล ไม่ยอมจ่ายค่าฉีกสัญญา แวร์เนอร์ เพราะสโมสรได้รับผลกระทบด้านการเงินในช่วงที่ฟุตบอลต้องหยุดแข่งนาน 3 เดือน เพราะพิษโควิด-19 ทำให้ต้องจัดสรรงบประมาณและบริหารค่าใช้จ่ายกันใหม่ โดยเฉพาะการเลื่อนโครงการต่อเติมสนามแอนฟิลด์ มูลค่า 60 ล้านปอนด์ (2,400 ล้านบาท) ให้มีความจุเพิ่มเป็น 61,000 ที่นั่งออกไปอีก 1 ปี
แต่...ส่วนตัวเชื่อว่า ต่อให้มีปัญหาการเงิน แต่ถ้า คลอปป์ อยากได้ใครมาเสริมความแข็งแกร่งจริงๆ สโมสรก็น่าจะยินดีเจียดงบมาให้ เหมือนกับตอนที่ซื้อ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ มาขันเกมรับด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ หรือคว้า อลิสสัน เบคเกอร์ มาเฝ้าเสาด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์ ซึ่งทั้งคู่มีค่าตัวเป็นสถิติโลกในตำแหน่งของตัวเอง ณ เวลานั้นด้วย เพราะเชื่อว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด
เมื่อเทียบกันแล้ว ค่าฉีกสัญญาของ แวร์เนอร์ ถือว่าถูกกว่ามาก หากได้ตัวมาเพิ่มความสดและความหลากหลายในแดนหน้า หรือถ้าเทียบกับคนอื่นที่เคยมีข่าวก็ยิ่งถูกกว่า เช่น จาดอน ซานโช ของดอร์ทมุนด์ ที่ค่าตัวทะลุ 100 ล้านปอนด์ หรือ คีเลียน เอ็มบัปเป จากปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่ตอนนี้มีราคาในตลาดสูงที่สุดราว 200 ล้านปอนด์
ดังนั้น สาเหตุที่ ลิเวอร์พูล ไม่กระตือรือร้นกับการล่าตัว แวร์เนอร์ จึงน่าจะเป็นเพราะ คลอปป์ คิดดีแล้วว่า แวร์เนอร์ "ไม่เหมาะ" ที่จะมาอยู่ด้วยกันในถิ่นแอนฟิลด์
คำว่า "ไม่เหมาะ" ไม่ได้หมายความว่า ถ้าย้ายมาแล้วจะไม่เข้ากับระบบของ "หงส์แดง" เพราะสไตล์ของ แวร์เนอร์ น่าจะเล่นตามแผนของ คลอปป์ ได้ไม่ยาก หากให้เวลาปรับตัวสักหน่อย แต่คำว่า "ไม่เหมาะ" ในที่นี้หมายถึง สถานะภายในทีม
อย่างที่ทราบกันว่า ซาลาห์, มาเน และ เฟอร์มิโน เล่นได้เข้าขาลงตัวดีอยู่แล้วในแดนหน้า จึงไม่มีความจำเป็นที่จะแยก 3 คนนี้ออกจากกัน หากไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้ามี แวร์เนอร์ เข้ามาอีกคน ปัญหาก็จะตกอยู่กับ คลอปป์ ว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนพอใจ เพราะ แวร์เนอร์ ผู้มาใหม่ก็ต้องอยากพิสูจน์ตัวเองว่าเจ๋งพอที่จะเข้ามาอยู่ใน 11 คนแรก ส่วน 3 คนเก่าก็ต้องอยากรักษาพื้นที่เอาไว้
แต่ถ้าให้ แวร์เนอร์ รับบทซุปเปอร์ซับลงไปเปลี่ยนเกมหรือปรับแท็กติก ก็คงไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุนไป เพราะนักเตะฝีเท้าและค่าตัวระดับ แวร์เนอร์ คงไม่ยอมมานั่งก้นด้านบนซุ้มม้านั่งสำรองแน่ๆ ต่อให้ฤดูกาลหน้า ซาลาห์ (อียิปต์) และ มาเน (เซเนกัล) จะมีช่วงที่ต้องบินไปรับใช้ชาติในศึกแอฟริกัน เนชันส์ คัพ 2021 ในเดือนมกราคม แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่า แวร์เนอร์ จะอดทนรอโอกาสได้นานขนาดนั้นหรือเปล่า เนื่องจากตัวเขาเองก็ต้องโชว์ฟอร์มให้เข้าตา โยอาคิม เลิฟ เพื่อให้มีชื่อติดทีมชาติเยอรมนีไปลุยศึกยูโร 2020 เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น ผู้เล่นที่ คลอปป์ อยากได้จริงๆ น่าจะต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญ ก็คือ "ขอยอมเป็นหนึ่งในตัวเลือก" หรือ สามารถยอมรับได้กับการโรเตชั่น ไม่งอแงหรือโวยวาย ต่อให้ต้องเป็นตัวสำรองตลอดทั้งเกมโดยไม่ถูกส่งลงสนามก็ตาม แต่เมื่อถึงยามที่โค้ชต้องการแก้เกมหรือเลือกใช้งานเป็นอะไหล่ ก็พร้อมทดแทนตัวจริงได้ทันที โดยที่มาตรฐานของทีมไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
เราจะเห็นว่านักเตะที่เคยเป็นตัวหลักของ ลิเวอร์พูล มาก่อน แล้วถูกลดสถานะเป็นตัวสำรองในยุคของ คลอปป์ หากใครยอมรับในการเป็นตัวเลือกที่ 2 หรือ 3 ไม่ได้ ก็มีอันต้องโบกมือลาออกไป เช่นในรายของ อัลเบร์โต โมเรโน ที่เสียตำแหน่งแบ็กซ้ายให้กับ แอนดี โรเบิร์ตสัน ก็เลือกที่จะกลับสเปนไปซบตัก บียาร์เรอัล โดยที่ คลอปป์ ก็แก้ไขด้วยการให้ เจมส์ มิลเนอร์ ดาวเตะสารพัดตำแหน่ง ปรับมาเล่นแบ็กซ้ายจำเป็นในบางเกม ซึ่ง มิลเนอร์ เองก็ทำตามคำสั่งทุกครั้งโดยไม่มีอิดออด
หรือ ซิมง มิโญเลต์ ที่เสียตำแหน่งผู้รักษาประตูมือ 1 หลังการมาของ อลิสสัน ก็เลือกย้ายกลับเบลเยียมไปอยู่ คลับ บรูช ซึ่ง คลอปป์ ก็หันไปเซ็นฟรีคว้า อาเดรียน ที่เพิ่งหมดสัญญาจาก เวสต์แฮม มาเป็นมือ 2 ที่พร้อมทดแทน อลิสสัน ทุกเมื่อ แม้กระทั่งการเซ็นสัญญารายล่าสุดอย่าง ทาคุมิ มินามิโนะ ตัวรุกทีมชาติญี่ปุ่นมาจาก เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ก็เป็นนักเตะประเภทที่ยินดีรอโอกาสอยู่แล้ว
ดังนั้น แฟนๆ ลิเวอร์พูล จึงไม่ต้องเสียใจที่ไม่ได้ ติโม แวร์เนอร์ มาเป็นสมาชิกใหม่ เพราะ คลอปป์ เองก็คงคิดในใจว่า "เสียแล้วเสียไป หาใหม่ดีกว่า" และเชื่อว่าในตลาดยังมีนักเตะอีกหลายคนที่ยินดีเข้ามาอยู่ในระบอบการปกครองของ คลอปป์
แต่ คลอปป์ บอกว่า เขาคงเสียใจมากกว่า หากพรีเมียร์ลีกจะถูกตัดจบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเคยกังวลว่าอาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาดหนัก แต่ในเมื่อตอนนี้กลับมาแข่งต่อได้แล้ว เขาก็หวังพา "หงส์แดง" ปิดบัญชีคว้าแชมป์ลีกในรอบ 30 ปีให้ได้...โดยไม่มีอะไรกั้น.
ชัชวาล กมลไมตรีจิตต์
June 21, 2020 at 07:30AM
https://ift.tt/37MWRvQ
เสียแล้วเสียไป หาใหม่ดีกว่า - ไทยรัฐ
https://ift.tt/3bS8L8L
Bagikan Berita Ini
0 Response to "เสียแล้วเสียไป หาใหม่ดีกว่า - ไทยรัฐ"
Post a Comment