Search

ย้อน 5 ดีลสุดแพง ในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน - ไทยรัฐ

dihyangbagus.blogspot.com

ยัง.... แค่นั้นยังไม่พอ เนย์มาร์ ถูกแปลงสภาพเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของแฟนบอลทันที หลังข่าวลือเรื่องที่เจ้าตัวงอแงหนัก อยากย้ายกลับไปอยู่กับบาร์เซโลนาอีกครั้ง เพราะเริ่มไม่สนุกกับการกอบโกยค่าเหนื่อยในลีก เอิง แล้ว ถึงขั้นที่แฟนบอลชูป้ายด่า พร้อมโห่ขับไล่ไสส่งในช่วงต้นซีซั่น 2019-20 ที่ผ่านมา

แต่อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จอย่างแชมป์ลีก เอิง 3 สมัย บวกแชมป์บอลถ้วยในประเทศอีกรายการละ 2 สมัย และการอยู่บนเส้นทางลุ้นแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในซีซั่นนี้ น่าจะพอปลอบประโลมใจได้ว่า เนย์มาร์ ไม่ได้ล้มเหลวในแดนน้ำหอม

2. คีเลียน เอ็มบัปเป (ฝรั่งเศส)

ย้ายจาก โมนาโก – ปารีส แซงต์ แชร์แมง (ปี 2017)

ค่าตัว 145 ล้านยูโร (add-ons 35 ล้านยูโร)

เปแอสเช คงรู้สึกโชคดีไม่น้อย ที่สามารถปิดดีลแข้งอนาคตไกลรายนี้ ได้ก่อนที่จะพาทีม “ตราไก่” ฝรั่งเศส คว้าแชมป์โลกได้ในปี 1 ปีถัดมา ไม่งั้นมูลค่าการซื้อขายอาจจะพุ่งสูงไม่น้อยหน้า เนย์มาร์ ก็เป็นได้

สำหรับ เอ็มบัปเป ฉายแววเก่งเกินวัยตั้งแต่ยังอยู่กับ โมนาโก และมีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์ลีก เอิง เมื่อซีซั่น 2016-17 ทำให้กลายเป็นที่จับตามองของยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป กระทั่งสุดท้ายกลายเป็น เปแอสแช ที่เป็นเสือปืนไว ปิดดีลคว้าตัวมาร่วมทีม

ด้วยความแข็งแกร่งด้านร่างกาย เทคนิคการจ่ายบอล การอ่านเกม และการยิงประตูที่เฉียบคม ทำให้ เอ็มบัปเป ดูจะตัวใหญ่คับลีก เอิง ไปแล้ว และสื่อหลายสำนักต่างคาดว่า เรอัล มาดริด กำลังเคาต์ดาวน์ ที่จะได้แข้งรายนี้ไปร่วมทีมในไม่ช้า

อยู่ที่ว่า นาสเซอร์ อัล เคไลฟี และ เลโอนาร์โด ในฐานะผู้บริหารระดับสูงของ เปแอสเช จะมีศิลปะด้านการต่อรองมากน้อยแค่ไหน ที่จะทำกำไรจากการปล่อย เอ็มบัปเป ได้มากที่สุด

3. เจา เฟลิกซ์ (โปรตุเกส)

ย้ายจาก เบนฟิกา – แอตเลติโก มาดริด (ปี 2019)

ค่าตัว 126 ล้านยูโร

เจ้าหนูฟันกระต่ายวัย 19 ปี ถูกทีมตราหมีดึงตัวมาจากสโมสรยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิด พร้อมกับมอบเสื้อหมายเลข 7 ให้เป็นกรรมสิทธิ์ นั่นแสดงให้เห็นถึงความคาดหวังที่ เอ็นริเก เซเรโซ ประธานสโมสรแอตเลติโก มาดริด และ ดิเอโก ซิเมโอเน ผู้เป็นกุนซือใหญ่ ฝากไว้บนบ่าของแข้งอนาคตไกลรายนี้

ในช่วงเวลาเพียงแค่ 1 ขวบปี คงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า เจา เฟลิกซ์ ทำผลงานได้ดีแค่ไหนกับ “Los Rojiblancos” แต่อย่างน้อย การพาทีมตราหมีจบในอันดับ 3 ลาลีกา เป็นรองแค่ เรอัล มาดริด และบาร์เซโลนา ขณะที่ในเกมสโมสรยุโรป ก็เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก็น่าจะเป็นกำลังใจชั้นดี ที่จะทำให้แข้งอนาคตไกลรายนี้ ได้สู้ต่อไปในฤดูกาลหน้า เพื่อผลงานที่ดีกว่า

4. ฟิลิปเป คูตินโญ (บราซิล)

ย้ายจาก ลิเวอร์พูล – บาร์เซโลนา (ปี 2018)

ค่าตัว 120 ล้านยูโร (add-ons 40 ล้านยูโร)

เจ้าของฉายา “พ่อมดน้อย” ทิ้งความฝันและความหวังกับแฟนบอลหงส์แดง เพื่อย้ายมาหาความสำเร็จกับ บาร์เซโลนา ชนิดที่สาวก “เดอะ ค็อป” หลายคนถึงกับสาปส่งให้กับดีลนี้ เพราะรับไม่ได้กับการตัดสินใจของแข้งดังจากแดนแซมบ้า 

แต่บางที อาจเป็นเพราะว่า “สัญญาใจ” ไม่มีอยู่จริง ทำให้ชีวิตการค้าแข้งในถิ่นคัมป์ นู ของ คูตี้ ดูยุ่งยากสวนทางกับค่าตัวที่แพงระยับ เพียงแค่ 2 ซีซั่นก็ทำให้สถานะเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังฝ่าเท้า จากแข้งความหวังระดับต้นๆ ของทีม กลายสภาพเป็นส่วนเกินไปในทันใด กระทั่งถูกปล่อยให้ บาเยิร์น มิวนิก ยืมตัวไปใช้งานตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา

และหลังจากการทดลองใช้ตลอดซีซั่น ก็ดูเหมือนว่าบาเยิร์น มิวนิก จะไม่ใช้ออปชั่นซื้อขาย และมีข่าวว่า คูตินโญ อาจระเห็จกลับมายังพรีเมียร์ลีกอีกรอบ พร้อมข่าวลือกับทั้ง อาร์เซนอล เชลซี และทอตแนม ฮอตสเปอร์ จ้องตะครุบตัว

ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าฤดูกาล 2020-21 "คูตี้" กลับมาเยือนแอนฟิลด์อีกครั้ง ในฐานะคู่แข่งของลิเวอร์พูล เจ้าตัวจะได้รับการต้อนรับแบบไหนกันแน่

5. อองตวน กรีซมันน์ (ฝรั่งเศส)

ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด – บาร์เซโลนา (2019)

ค่าตัว 120 ล้านยูโร

ดูเหมือนว่าความกว้างใหญ่ของสนามคัมป์ นู จะไม่ได้สร้างความลำบากใจให้กับฝ่ายทำความสะอาดเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงกดดันอันมหาศาล ให้กับบรรดาแข้งพันล้านที่ย้ายเข้ามาอีกด้วย เช่นเดียวกับดาวเตะดีกรีแชมป์โลกชาวฝรั่งเศสรายนี้

การย้ายทีมแบบทำร้ายจิตใจแฟนตราหมี ก็ดูจะเป็นแรงกดดันที่หนักพออยู่แล้ว ยิ่งต้องมาเล่นกับขาใหญ่ในทีมบาร์ซาอย่าง ลิโอเนล เมสซี แล้วโดนเม้าท์ว่าไม่เข้าพวก ยิ่งทำให้บั่นทอนสภาพจิตใจไม่น้อย บวกกับการเปลี่ยนหัวเรือใหญ่อย่าง เอร์เนสโต บัลเบรเดร์ มาเป็น กีเก เซเตียน กลางคัน ยิ่งทำให้ความว้าวุ่นใจเพิ่มเข้าไปเป็นสองเท่า

แต่อย่างไรก็ตาม กรีซมันน์ พยายามลบคำสบประมาททั้งหลาย ด้วยการทุ่มเทแบบเกินร้อยทุกครั้งที่ลงสนาม เพื่อลบภาพทั้งหมดที่สื่อพยายามยัดเยียด ซึ่ง 15 ประตูจาก 48 นัด ภายใต้ยูนิฟอร์มบาร์ซาในขวบปีแรกของเจ้าตัว อาจจะดูน้อยไปหน่อยแง่ของความคาดหวัง แต่นั่นก็อาจจะเป็นแรงขับชั้นดี ที่ทำให้ดาวเตะวัย 29 ปีรายนี้ ได้สู้ต่อไปในฤดูกาลหน้า

ผู้เขียน : สุภาพบุรุษพุงตึง

กราฟฟิก : Sathit Chuephannga

Let's block ads! (Why?)




August 19, 2020 at 06:30AM
https://ift.tt/34eboBg

ย้อน 5 ดีลสุดแพง ในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน - ไทยรัฐ

https://ift.tt/3bS8L8L


Bagikan Berita Ini

0 Response to "ย้อน 5 ดีลสุดแพง ในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.