Search

ราคาดีงาม AUDI THAILAND เปิดตัวสปอร์ตแวกอนสายโหด RS4 AVANT QUATTRO - ไทยรัฐ

dihyangbagus.blogspot.com

RS4 Avant วางเครื่องยนต์เบนซิน V6 Twin-turbo กำลัง 331 กิโลวัตต์ (450 แรงม้า) แรงบิด 600 นิวตันเมตร (442.5 lb-ft) เครื่องยนต์ออกแบบชุดเพลาข้อเหวี่ยงใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทแรงบิดในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,900 ถึง 5,000 รอบต่อนาที RS4 Avant ถูกเปิดตัวที่ DTM finale ในสนามแข่งรถ Hockenheimring ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 4 ตุลาคม 2562 หลังจากการเปิดตัว RS4 Avant เริ่มวางขายในเยอรมนีและประเทศอื่น ๆ ในยุโรปเมื่อเดือนตุลาคม 2562 ล่าสุด Audi Thailand นำเข้า RS4 Avant เวอร์ชั่น 2020 พร้อมเปิดรับจองและส่งมอบรถในช่วงปลายสิงหาคมถึงกันยายน ด้วยค่าตัว 5,899,000 บาท รับประกันอายุการใช้งานนาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี 

Oliver Hoffmann, Managing Director ของ Audi Sport GmbH กล่าวว่า การผสมผสานความสปอร์ตที่สอดคล้องกับการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบไม่จำกัด อาจเป็นความคิดที่แปลกใหม่สำหรับบางคน แต่สำหรับ Audi Avant รถยนต์ประสิทธิภาพสูงเป็นหนึ่งในแนวคิดที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักขับ ในฐานะที่เป็นรถรุ่นขายดีมาอย่างยาวนาน Audi RS4 Avant จึงเป็นแวกอนรุ่นที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จของแผนก Audi Sport ในวันธรรมดา คุณหรือแม่บ้านสามารถขับใช้งานในเมืองเพื่อเดินทางไปทำงาน ซื้อของ หรือรับส่งลูกๆ ส่วนในวันหยุดก็เอาหมวกกันน็อกพร้อมถุงมือติดรถลงไปขับเล่นในสนามแข่งได้อย่างสบายๆ

การออกแบบ
ด้านหน้าของ Audi RS4 Avant ได้รับการออกแบบให้ฉีกไปจาก A4 Avant รุ่นมาตรฐาน RS4 Avant แตกต่างจาก A4 Avant อย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่น ชุดกระจัง Singleframe นั้นกว้างและแบนกว่าเมื่อเทียบกับ A4 รุ่นพื้นฐาน เช่นเดียวกับพี่น้องในตระกูล RS ที่มีขนาดใหญ่กว่า เช่น RS6 Avant และ RS7 Sportback เจ้า RS4 Avant ใช้กระจังหน้าแบบรังผึ้งสามมิติ มาในสีดำมันวาว ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับ Series-RS เพื่อให้ดูดุดันมากกว่า ชิ้นงาน Singleframe หรือชุดกระจังแบบไร้กรอบกลมกลืนไปกับชุดกันชนขนาดใหญ่ที่ครอบปิดส่วนหน้าทั้งหมด กระจังหน้าใหม่ที่มีตราสัญลักษณ์ RS4 จะถูกแทรกอยู่ในชุดกระจัง ช่องอากาศด้านข้างขนาดใหญ่และกันชนหน้าที่พัฒนารูปทรงโดยนักออกแบบของ Audi Sport เพื่อเชื่อมโยงส่วนหน้ากับระบบอากาศพลศาสตร์ทั่วทั้งคัน

มิติตัวถังของ Audi RS4 Avant มีขนาดความยาว 4,782 มิลลิเมตร กว้าง 1,866 มิลลิเมตร สูง 1,414 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,826 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,580 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,575 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงค์หน้า 918 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงค์หลัง 1,038 มิลลิเมตร 

รูปทรงไฟหน้า LED ของ Audi RS4 Avant ได้รับการออกแบบใหม่ โดยติดตั้งไฟหน้าระบบ matrix LED headlights เพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับ Avant ด้วยระบบส่องสว่างอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ สร้างความแตกต่างจากรถตระกูล A4 ด้วยชุดไฟหน้าของรุ่น RS ซุ้มล้อจัดโป่งกว้าง 30 มม. (1.2 นิ้ว) ที่ด้านหน้าและด้านหลัง ชุดแต่งกรอบกระจกกับกระจกมองข้างสีดำ อะลูมิเนียมผิวด้านและคาร์บอนไฟเบอร์เพิ่มความโดดเด่นเฉพาะตัว แพ็กเกจแต่งสีดำและคาร์บอนยังรวมถึงตราสัญลักษณ์ Audi และโลโก้ RS สีดำที่ด้านหน้าและด้านหลัง รางหลังคาสีดำด้านเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สปอยเลอร์ขอบหลังคาเฉพาะรุ่น RS และครีบรีดอากาศใต้กันชนหลังหรือ diffuser รวมถึงปลายท่อไอเสียโครมดำในระบบไอเสีย RS ทำให้ RS4 เป็นรถแวกอนที่ดูเอาจริงเอาจังมากยิ่งขึ้น ระบบไอเสียของ RS Sport เป็นอุปกรณ์เสริม (ออปชั่น) ขอบสีดำ tailpipe สร้างประสบการณ์เสียงท่อแบบพิเศษที่มีความเฉพาะตัว ผู้ขับสามารถเปิดหรือปิดเสียงท่อด้วยปุ่มควบคุมโหมดการขับขี่ Audi drive select

เครื่องยนต์เบซิน V6 3.0 ลิตร TFSI twin-turbo โมเต็มโดยแผนก Audi Sport ทำให้ Audi RS4 Avant มีกำลังมากถึง 331 กิโลวัตต์ (450 แรงม้า) ซึ่งเท่ากับเอาต์พุต 155.5 แรงม้าต่อลิตร ทำให้ RS4 Avant เร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาสั้นจู๋เพียง 4.1 วินาที เครื่องยนต์เบนซิน V6 TFSI เทอร์โบคู่ มีน้ำหนัก 182 กิโลกรัม (401.2 ปอนด์) เบากว่าเครื่องยนต์ V8 ใน RS4 รุ่นก่อนหน้า 31 กิโลกรัม (68.3 ปอนด์) การใช้เครื่องยนต์ที่มีความจุลดลงแต่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มแรงฉุดลากรวมถึงการกระจายโหลดในรถยนต์ที่มีเพลาขับสองชุด ระบบอัดอากาศเทอร์โบคู่ วางคร่อมฝาสูบเพื่อลดความยาวของท่อทางต่างๆ เทอร์โบแฝดให้ประสิทธิภาพที่น่าประทับใจโดยมีแรงบิด 600 นิวตันเมตร (442.5 ปอนด์ต่อฟุต) ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,900 ถึง 5,000 รอบต่อนาที แพ็กเกจ RS Dynamic ปลดล็อกความเร็วสูงสุด จากการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จาก 250 เป็น 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (155.3 ถึง 174.0 mph)

เทอร์โบชาร์จเจอร์สองตัวของเครื่องยนต์ V6 TFSI แต่ละตัวได้รับการกำหนดให้กับกระบอกสูบ 3 ตำแหน่ง สร้างแรงบูสสูงถึง 1.5 บาร์ เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ V6 และ V8 ทั้งหมดของ Audi ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์จะถูกวางคร่อมฝาสูบในตำแหน่ง 90 องศา ท่อไอเสียออกแบบให้วางอยู่ด้านในขณะที่ท่อไอดีอยู่ด้านนอก เลย์เอาต์ของเครื่องยนต์ V6 นี้ทำให้เครื่องมีขนาดกะทัดรัดและมีท่อทางเดินสั้น การใช้ท่อไอดีสั้นลงทำให้ตอบสนองต่อการเร่งความเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่ ไม่เพียงสร้างความประทับใจในด้านของประสิทธิภาพ จากแรงบิดที่ล้นเหลือ แต่ยังมีการปรับให้ระดับของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงเหลือแค่ 9.2 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 208 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร (334.7 กรัม / ไมล์) การปรับลดพลังงานลง 17 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า มีส่วนช่วยทำให้เครื่องยนต์ปล่อยมลพิษน้อยลง ปัจจัยชี้ขาดในเรื่องนี้ คือ กระบวนการเผาไหม้ในระบบจ่ายเชื้อเพลิง TFSI ของ Audi ซึ่งรู้จักกันในชื่อ B-cycle มันถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ สำหรับความประหยัดและพลัง ในกรณีที่คนขับใช้ความเร็วสูงขึ้น ระบบ valveift Audi แบบสองขั้นตอน (AVS) จะปิดวาล์วไอดี ซึ่งจะเป็นการเพิ่มระยะเวลาการเปิดมุมข้อเหวี่ยง 200 องศา ในเวลาเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของขนาดวาล์วจาก 6.0 เป็น 10 มิลลิเมตร (จาก 0.2 เป็น 0.4 นิ้ว) เครื่องยนต์สามารถส่งกำลังออกมาอย่างมหาศาล

พลังของเครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.0 ลิตร พร้อมระบบจ่ายเชื้อเพลิง TFSI นั้นเทแรงบิดไหลไปสู่เพลาขับ 2 ชุด (หน้า-หลัง) ผ่านระบบขับเคลื่อนล้อ 4 ล้อ quattro ที่เชื่อมต่อการทำงานกับระบบเกียร์ 8 สปีด ในสภาวะการขับขี่ปกติ ระบบจะส่งกำลังไปที่เพลาล้อหลังมากเป็นพิเศษ โดยส่งแรงบิด 60 เปอร์เซ็นต์ไปยังเพลาหลัง และอีก 40 เปอร์เซ็นต์ไปยังเพลาหน้า และเมื่อเกิดการลื่นไถลที่ล้อข้างใดข้างหนึ่ง แรงบิดที่เทไปยังล้อนั้นจะถูกปรับลดทันทีโดยอัตโนมัติและตอบสนองต่อการสูญเสียค่ายึดเกาะอย่างรวดเร็ว Quattro จะถ่ายแรงบิดไปยังล้อฝั่งตรงข้ามเพื่อเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว ระบบ Quattro สามารถเทแรงบิดสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ไปยังด้านหน้า หรือเทแรงบิด 85 เปอร์เซ็นต์ไปที่เพลาล้อหลัง ทั้งหมดจะถูกควบคุมผ่านระบบรักษาเสถียรภาพ ESC และระบบ wheel-selective torque control

การควบคุมแรงบิดแบบอิสระทั้งสี่ล้อด้วยกลไกไฟฟ้าในระบบ Quattro ออกแบบให้สามารถใช้งานได้กับผิวถนนทุกประเภท เมื่อขับรถด้วยโหมด Dynamic ล้อที่อยู่ด้านในของโค้งจะถูกควบคุมแรงบิดผ่าน Electronic Stabilization Control (ESC) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแรงบิดให้กับล้อด้านนอกของโค้งด้วยภาระการยึดเกาะที่สูงขึ้น ความแตกต่างของแรงขับเคลื่อนที่แปรผันในแต่ละล้อทำงานอิสระจากกัน ช่วยปรับให้รถสามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วและมุมของพวงมาลัยที่มีความเที่ยงตรงแม่นยำ ผลลัพธ์ที่ได้คือความคล่องตัวและการทรงตัวที่เป็นกลางในโค้ง ความแตกต่างของชุดขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro sport พร้อมการปรับจูนเฉพาะของรุ่น RS ช่วยทำให้ระบบตอบสนองต่อการทำงานได้รวดเร็วขึ้นเมื่อคนขับเร่งความเร็ว ชุดกระจายแรงบิดระหว่างล้อทำหน้าที่อย่างแข็งขัน เพิ่มแรงฉุดลากอย่างเต็มที่และเพิ่มเสถียรภาพด้วยการควบคุมของ ESC เมื่อเร่งความเร็วในช่วงปลายโค้งก่อนออกสู่ทางตรง แรงบิดจะถูกส่งไปที่ล้อหลังด้านนอกของโค้ง ในกรณีที่ผู้ขับใช้ความเร็วมากจนเกินไป ชุดเฟืองท้ายไฟฟ้จะถ่ายแรงบิดไปที่ล้อด้านในของโค้งเพื่อสร้างแรงยึดเกาะ

ระบบช่วงล่างแบบสปอร์ต ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของ Audi RS4 Avant นั้น ทำให้ความสูงของ Audi RS4 Avant ต่ำกว่า Audi S4 Avant 0.3 นิ้ว ช่วงล่าง RS Sport plus พร้อมกลไก Dynamic Ride Control (DRC) ช่วยทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วยโช้คอัพและสปริงพิเศษที่สามารถลดการเคลื่อนไหวของตัวถังอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์  

พวงมาลัยไฟฟ้าของ RS4 Avant ส่งถ่ายความรู้สึกของการบังคับเลี้ยวแบบไดนามิกโดยแปรผันน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามอัตราการบังคับเลี้ยวสูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์และยังปรับน้ำหนักไปตามความเร็ว มุมบังคับเลี้ยวและโหมดขับเคลื่อน ในย่านความเร็วต่ำ ท่ามกลางการจราจรในเมือง การบังคับเลี้ยวแบบไดนามิกจะทำงานโดยตรงเพื่อปรับให้น้ำหนักของพวงมาลัยมีความเหมาะสมกับสปีดความเร็วต่ำในเมือง ส่วนบนถนนในชนบทที่คดเคี้ยว การตอบสนองของพวงมาลัยและการผ่อนน้ำหนักด้วยปั๊มไฟฟ้าจะลดระดับการทำงานลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อขับรถด้วยความเร็วสูงบนไฮเวย์ อัตราทดของพวงมาลัยจะแปรผันน้ำหนักทันที โดยค่อยๆ เพิ่มหรือลดน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามสปีดความเร็ว ยิ่งขับเร็วเท่าไร พวงมาลัยของ RS4 ก็จะยิ่งขึงตรึงแน่นมากยิ่งขึ้น ช่วยให้เกิดความมั่นใจเมื่อใช้ความเร็วสูง ระบบบังคับเลี้ยว Dynamic Steering ทำงานผสมผสานกับโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) เพื่อส่งมอบความรู้สึกแบบสปอร์ต รวมถึงความปลอดภัยในการขับขี่เมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนทิศทางในย่านความเร็วสูง พวงมาลัยไฟฟ้าของ RS4 ฉลาดหลักแหลมและหากมีความจำเป็นเมื่อต้องเบรกหนักๆ บนพื้นผิวถนนที่มีแรงเสียดทานแตกต่างกัน ระบบ Dynamic Steering ช่วยทำให้การควบคุมทิศทางขณะเบรกง่ายยิ่งขึ้น

โหมดขับเคลื่อน Audi drive select dynamic จัดมาให้ถึง 5 โหมด เช่น comfort, auto, dynamic, individual รวมถึงโหมดจัดหนักอย่าง RS-specific RS1 และ RS2 modes เป็นระบบการจัดการแบบไดนามิกที่เข้ามาควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์, เกียร์, พวงมาลัย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro, เสียงเครื่องยนต์ และการทำงานของระบบปรับอากาศอัตโนมัติ โหมด RS2 ที่ปรับแต่งได้นั้น ผู้ขับสามารถปิดระบบควบคุมการทรงตัวอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) อย่างรวดเร็วเพียงแค่กดปุ่ม

Audi RS4 Avant มาพร้อมกับล้ออะลูมิเนียมฟอร์จของ RS ขอบ 19 นิ้ว ห่อรัดด้วยยางสปอร์ตไซส์ 265/35ZR19 โดยมีออปชั่นเสริมเป็นล้อ RS ขนาด 20 นิ้ว หลากหลายลายให้เลือกตามความต้องการ รวมถึงล้อลายห้าก้านแบบใหม่ที่ผ่านการทำสีอย่างสมบูรณ์แบบด้วยสีบรอนซ์ด้าน ล้อ 20 นิ้วยัดยาง 275/30ZR20 จานเบรกเหล็กกล้าพร้อมคาร์ลิปเปอร์เบรกที่ทรงพลัง RS4 มาพร้อมดิสเบรกเจาะรูระบายความร้อนจนพรุนไปทั้งจาน จานเบรกหน้าเส้นผ่าศูนย์กลาง 375 มิลลิเมตร (14.8 นิ้ว) ส่วนจานเบรกหลังมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 330 มิลลิเมตร (13.0 นิ้ว) คาลิปเปอร์เบรกแบบ 6 พอต พร้อมโลโก้ RS พ่นสีด้วยสีดำหรือสีแดง ออปชั่นเสริมที่ต้องควักเพิ่มเป็นระบบเบรกคาร์บอนเซรามิก ที่ทนทานต่อการเบรกอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้เกิดความร้อนสะสมในชุดเบรกสูง คาร์บอนเซรามิกเบรกยังช่วยลดอาการเบรกเฟรดเมื่อขับในสนามแข่ง คาลิปเปอร์ของระบบเบรกคาร์บอนเซรามิก มีทั้งสีแดงสีเทาและสีน้ำเงิน ดิสเบรกคาร์บอนเจาะรูพรุน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 400 มิลลิเมตร (15.7 นิ้ว)

Audi RS4 Avant ตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ ติดตั้งชุดไฟตกแต่ง LEDบริเวณแผงประตูและชุดคอนโซลกลาง ปรับสีสันได้มากถึง 30 สี ร่วมกับชุดไฟเสริมรอบห้องโดยสาร แผงหน้าปัดสร้างความรู้สึกแบบสปอร์ต กาบบันไดแบบเรืองแสงพร้อมโลโก้ RS4 โดยมีโลโก้บนคอนโซลกลาง, ที่วางแขน, เข็มขัดนิรภัยและพรมปูพื้น พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังกลับ Alcantara เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง

หน้าจอสัมผัส MMI ขนาด 10.1 นิ้วเป็นศูนย์ควบคุมของระบบปฏิบัติการ MMI Plus หน้าจอสัมผัสที่ไวต่อการแตะเพื่อสั่งงาน แสดงภาพเคลื่อนไหวกราฟิกความละเอียดสูง จอแสดงผลแบบสัมผัส MMI สามารถสั่งงงานด้วยเสียง เพื่อดูข้อมูลหรือปรับตั้งระบบต่างๆ จอมอนิเตอร์ของ RS4 แสดงผลอุณหภูมิ / ระบบขับเคลื่อน/ แรงจีสูงสุด/ข้อมูลเกี่ยวกับแรงดันลมยางและอุณหภูมิของยาง/แรงม้าและแรงบิด/กำลังไฟในแบตเตอรี่/ อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง/ เวลาต่อรอบในสนามแข่ง / ความเร็วและแรงจี นอกจากนั้นยังมีจอแสดงผล head-up เป็นอุปกรณ์เสริม ระบบเชื่อมต่อ Audi connect plus 

ผู้ขับขี่สามารถเปิดใช้งานโหมด RS1 และ RS2 ผ่านปุ่ม "RS MODE" บนพวงมาลัย เบาะที่นั่งแบบสปอร์ต RS ลวดลายรังผึ้ง พร้อมสัญลักษณ์ RS  ห้องเก็บสัมภาระมีความจุ 495 ลิตร (17.5 ลูกบาศก์ฟุต) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 1,495 ลิตร (52.8 ลูกบาศก์ฟุต) เมื่อพับเบาะหลังราบลงกับพื้น ฝาท้ายของห้องเก็บสัมภาระทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ควบคุมผ่านเซนเซอร์สำหรับการเปิดและปิด 

Audi RS4 มีระบบช่วยเหลือผู้ขับมากกว่า 30 ระบบ ช่วยเน้นย้ำถึงคุณลักษณะความเป็นยานยนต์ไฮเทครุ่นท็อปสุดของโมเดล A4 Avant รวมถึงระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go ระบบสัญญาณเสียงแจ้งเตือนการเปลี่ยนเลนเมื่อมีรถอยู่ข้างๆ หรือการเตือนในลักษณะต่างๆ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

RS4 Avant มีสีตัวถังให้เลือก 8 สี เช่น สีฟ้าใหม่ Turbo Blue และสีเมทัลลิก Tango red โปรแกรมพิเศษของ Audi ยังรวมถึงการเลือกสีที่ลูกค้าสามารถระบุสีที่ต้องการได้ เช่นสีโทนคลาสสิก Nogaro blue, ประกายมุก สีนี้มีลักษณะพิเศษซึ่งเป็นสีตัวถังของ Audi RS2 Avant บรรพบุรุษของรุ่น RS ที่ออกขายในปี 1994.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

Let's block ads! (Why?)




July 11, 2020 at 10:00AM
https://ift.tt/2W2vQQD

ราคาดีงาม AUDI THAILAND เปิดตัวสปอร์ตแวกอนสายโหด RS4 AVANT QUATTRO - ไทยรัฐ

https://ift.tt/3bS8L8L


Bagikan Berita Ini

0 Response to "ราคาดีงาม AUDI THAILAND เปิดตัวสปอร์ตแวกอนสายโหด RS4 AVANT QUATTRO - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.